Gold Coast

สวรรค์ใน โกลด์ โคสท์

คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศออสเตรเลียไม่น้อยด้วยเพราะมนต์เสน่ห์ของความทันสมัย ธรรมชาติที่สวยงาม และหลากหลายในแต่ละรัฐ สำหรับใครที่เดินทางไปรัฐควีนส์แลนด์ (Queensland) น่าเสียดายนักถ้าไม่ได้ไปที่ โกลด์ โคสท์ (Gold Coast)
จากจุดเริ่มต้นที่ซิดนีย์ (Sydney) เราเพลิดเพลินกับความทันสมัยของเมืองใหญ่ แวะไปชมความงามของภูเขาสีน้ำเงินและชีวิตชนบทที่ บลู เมาท์เทน (Blue Mountains) ก่อนขับรถเลาะเลียบมหาสมุทรแปซิฟิกขึ้นไปทางทิศเหนือแวะพักในหลายเมืองที่สวยงาม ตะลุยทะเลทรายและทักทายปลาโลมาที่ พอร์ท สเตพเพนท์ (Port Stephens) ถ่ายรูปจิงโจ้ในธรรมชาติที่ คอฟส์ โคสท์ (Coffs Coast) คลายเหนื่อยที่ ไบรอน เบย์ (Byron Bay) เมืองชายทะเลเล็กๆ แสนน่ารัก เที่ยวชมหุบเขาแห่งผลไม้ที่เมือง ดูรันบา (Duranbah) ถ่ายรูปคู่กับจิงโจ้ที่เคอรัมบิน (Currumbin) และในเช้าวันที่เก้าของการเดินทางเราก็ตื่นขึ้นมาทักทายยามเช้าที่ เซิร์ฟเฟอร์ พาราไดซ์ (Surfers Paradise) ในโกลด์ โคสท์

ริมทะเลยามเช้าในโกลด์ โคสท์
แม้จะเดินทางมายาวนานกว่า 1 สัปดาห์ แต่ความเหนื่อยล้าไม่ได้ทำให้สีสันความร่าเริงสดใสของเซิร์ฟเฟอร์ พาราไดซ์ ลดน้อยลงในสายตาของเรา เมืองที่มีชายหาดยาวสุดลูกตาแห่งนี้เป็นสวรรค์ของนักเล่นกระดานโต้คลื่นอย่างแท้จริงเพราะถ้ามีใครถามว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการมาเที่ยวที่นี่คือเมื่อไร คำตอบที่จะได้รับคือตลอดทั้งปี ด้วยแสงแดดอบอุ่นที่ส่องลงมาเฉลี่ย 300 วันต่อปี เสื้อกันหนาวตัวหนาของเราที่ถูกเก็บไว้ก้นกระเป๋าเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี

ชายหาดยาวสุดตาสวรรค์ของนักเล่นกระดานโต้คลื่น
มองจากหน้าต่างห้องพักในยามเช้าเราสะดุดตากับภาพของตึกหน้าตาทันสมัยซึ่งไม่ว่าใครก็คงต้องให้ความสนใจเพราะตึกนี้เป็นตึกสำหรับพักอาศัยที่สูงที่สุดในโลก (world's tallest residential tower) ด้วยความสูง 322.5 เมตร แบ่งเป็น 80 ชั้น มีห้องพัก 526 ห้อง เป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศออสเตรเลียซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นได้จากการทำงานต่อเนื่อง 32,640 อาทิตย์ ของคนจำนวน 2,500 คน ตึกนี้มีชื่อว่า Q1 และเราก็ไม่พลาดที่จะขึ้นไปชมทัศนียภาพของโกลด์ โคสท์ จากมุมสูงบนตึกนี้
ป้ายบอกความสูงบนตึก Q1
จากพื้นดินลิฟต์ใช้เวลาเพียง 43 วินาทีก็พาเราไปถึงระดับความสูง 230 เมตร บนชั้น 77 ของ Q1 ซึ่งล้อมรอบด้วยกระจก 360 องศา ฝั่งหนึ่งเป็นภาพของชายหาดที่ทอดยาวและมหาสมุทรกว้างใหญ่ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นภาพเส้นสายของแม่น้ำที่แทรกตัวอยู่ในเมืองที่มีสีเขียวของต้นไม้ระบายอยู่ทั่วและมีแนวเขาสูงใหญ่เป็นฉากหลังอยู่ไกลตา
แม่น้ำที่แทรกตัวอยู่ในเมืองที่มีสีเขียวของต้นไม้
กลับขึ้นรถขับไปตามถนนเลียบชายหาดไปเรียกหาวัยเด็กที่ ซี เวิลด์ (Sea World) เราเริ่มต้นด้วยการเข้าไปทักทายกับพะยูนตัวอ้วนที่แหวกว่ายอยู่กับฝูงปลา ชมฉลามนานาพันธุ์ที่ว่ายเวียนอยู่ในสระขนาดใหญ่ หยุดลูบไล้ดาวทะเลที่เรียงรายอยู่ในสระน้ำตื้น ยืนดู ฮัตสัน (Hudson) และเนลสัน (Nelson) หมีขาวขั้วโลกกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ในน้ำ ก่อนจะเดินตามคนอื่นๆ ไปชมการแสดงของโลมาแสนรู้ ตื่นเต้นกับการชมภาพยนตร์ 4 มิติ แล้วนั่งกระเช้ากลับไปกินมื้อเที่ยงบนชั้นสองของห้องอาหารริมทะเลสาบ

พะยูนตัวอ้วนแหวกว่ายกับฝูงปลา

ฝูงปลาฉลามนานาพันธุ์

ดาวทะเลเรียงรายในสระน้ำตื้น

ฮัตสัน (Hudson) และเนลสัน (Nelson) หมีขาวขั้วโลก

การแสดงของโลมาแสนรู้
รสชาติอาหารถูกปากแต่เราต้องวางมือเมื่อมองลงไปยังทะเลสาบข้างล่างซึ่งกำลังมีการแสดงสกีน้ำผาดโผน แม้จะไม่ได้ยินเสียงบรรยายแต่ลีลาของนักแสดง โฆษกที่มาพร้อมทรงผมเอลวิส และสาวนักเต้นในชุดว่ายน้ำและทรงผมย้อนยุคก็เพียงพอให้เราร่วมสนุกไปกับผู้คนทางด้านล่าง ก่อนออกจากซี เวิลด์ เราขึ้นไปนั่งกระเช้าเพื่อชมวิวเป็นการปิดท้ายเกิดความรู้สึกเสียดายที่เวลามีไม่มากนักแม้จะรีบมาแต่ก็เที่ยวชมได้ไม่ถึงครึ่ง

โฆษกทรงผมเอลวิสและสาวนักเต้นทรงผมย้อนยุค

นักแสดงสกีน้ำผาดโผน

กระเช้าชมทิวทัศน์

หนูน้อยรอคิวขึ้นกระเช้า
เหตุผลเดียวที่ทำให้เราตัดใจ มาจากเพื่อนร่วมโลกแสนน่ารักจากท้องทะเล และเครื่องเล่นสารพัดชนิดได้ คือความท้าทายที่รออยู่ ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้สัมผัสและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเซิร์ฟเฟอร์ พาราไดซ์ มร.แบรด โฮล์มเมส (Brad Holmes) รอเราอยู่พร้อมกระดานโต้คลื่นสำหรับมือใหม่

พาหนะของเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยริมชายหาด
บทเรียนแรกของนักเรียนโต้คลื่นคือการอบอุ่นร่างกาย มร.แบรด ชวนเราบริหารร่างกายแบบง่ายๆ บนสนามหญ้า ตามด้วยการเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ จากนั้นนักเรียนใหม่อย่างเราต้องหอบหิ้วกระดานโต้คลื่นตามคุณครูไปเรียนรู้บทเรียนต่อไปริมชายหาด แม้จะมีผู้คนเดินผ่านไปมาเราก็ไม่รู้สึกเขินอายเพราะรู้ว่าห้องเรียนริมทะเลแบบนี้คงเป็นที่ชินตาของคนที่นี่ มร.แบรดบอกว่า การโต้คลื่นเป็นเรื่องของจังหวะและตำแหน่งที่เหมาะสม คลื่นทะเลไม่ได้มีหน้าที่พาเราไปตัวเราเองที่ต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไล่จับคลื่นนั้นให้ได้
เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์
สิ่งแรกที่เราต้องเรียนรู้เพื่อออกไปจับคลื่นคือการนอนบนกระดานโต้คลื่นและใช้มือพายเพื่อไล่ล่าคลื่นในมหาสมุทร มร.แบรด แสดงวิธีการลุกขึ้นยืนบนกระดานเมื่อสามารถจับคลื่นได้ให้ดูแต่ไม่แนะนำให้มือใหม่อย่างเราใจร้อนรีบยืนตั้งแต่ต้นขอเพียงนอนบนกระดานและพายไปตามคลื่นได้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการเริ่มต้น
คุณครูสาธิตวิธีการลุกขึ้นยืนบนกระดานโต้คลื่น
เมื่อฝึกซ้อมบนผืนทรายได้สักพักคุณครูก็พานักเรียนสู่มหาสมุทรแปซิฟิกและได้พบว่านักเรียนของวันนี้ดื้อกว่าที่คิดเพราะเมื่อกระดานพุ่งไปข้างหน้าตามแรงส่งของคลื่นเราก็ลุกขึ้นมายืนบนกระดานทันที แต่คุณครูไม่จำเป็นต้องลงโทษเด็กซนด้วยตัวเอง เพราะนักเรียนตัวโตตกลงจากกระดานแทบจะในทันทีที่ลุกขึ้น
เมื่อฟ้าเริ่มมืดนักตกปลามาแทนที่
โบกมือลาคุณครูเมื่อฟ้าเริ่มมืด เราให้รางวัลกับความพยายามของตัวเองด้วยบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลมื้อใหญ่ที่โรงแรม เชอราตัน มิราจ รีสอร์ท แอนด์ สปา โกลด์ โคสท์ (Sheraton Mirage Resort & Spa Gold Coast) และก่อนกลับสู่เตียงนอนอันอบอุ่นเราไม่ลืมที่จะแวะชม พาลาซโซ เวอร์ซาช (Palazzo Versace) โรงแรมหรูหราสวยงามที่ผสมผสานระหว่างแฟชั่นและความอบอุ่นของบ้านเข้าด้วยกัน และไม่ว่าจะเป็นบริเวณล็อบบี้ ในห้องพัก หรือแม้แต่ในห้องอาหาร เราจะได้เห็นงานออกแบบและสัญลักษณ์ของเวอร์ซาชอยู่ทุกหนแห่ง
ตกปลาใต้แสงจันทร์
ปิดไฟเข้านอนใต้ผ้าห่มผืนหนาอุ่นทบทวนการเดินทางจากก้าวแรกในซิดนีย์มาจนถึงวันนี้ อีก 4 วันจะได้เดินทางกลับบ้านที่คิดถึง
กลับไปเมื่อไรคงต้องคิดถึงออสเตรเลียไปอีกนาน

ข้อมูลการเดินทาง:
การท่องเที่ยวออสเตรเลีย :เว็บไซต์ tourism.australia.com